วันนี้แม่บ้านไม่ค่อยสบาย เนื่องจากอากาศของที่นี่เปลี่ยนแปลงบ่อยค่ะ จากฤดูหนาวเข้าฤดูใบไม้พลิ แต่บางวันอากาศก็ร้อนจนแม่บ้านนึกว่าเป็นฤดูร้อนเสียอีก เพราะร่างกายอาการไม่ค่อยจะดี วันนี้เลยต้องนั่งจับเจ่าอยู่บ้านไม่ได้ออกไปไหนเลยค่ะ ก็เลยคิดว่าน่าจะหาอะไรมานำเสนอคุณผู้อ่านที่น่ารักของแม่บ้านกันดีกว่าเนอะ
เอาล่ะค่ะในเมื่อฤดูกาลมันเปลี่ยนจากหนาวมาเป็นร้อนขึ้น เราก็มาจูบลาสภาพผิวหน้าที่แห้งกร้านดูไม่มีชีวิตชีวาจากลมหนาว และต้อนรับผิวที่กระจ่างใส ดูๆโกลว์ๆก่อนเข้าหน้าร้อนกันด้วยวัตถุดิบธรรมชาติ ทำได้เอง แถมประหยัดเงินในกระเป๋าแม่บ้านอีกด้วยจ้า
- ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอด้วยสูตรขัดหน้าด้วยมะนาว
หากสาวๆกำลังมองหาวิธีการที่จะทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งสดใส และสีผิวเรียบขึ้น ลองใช้มะนาวในส่วนผสมของการขัดหน้าดูค่ะ เพราะในมะนาวมีระดับวิตมินC ที่สูง และในน้ำมะนาวยังมีคุณสมบัติในการผลัดผิวอ่อนๆอีกด้วยค่ะ ซึ่งจะช่วยให้สีผิวที่หมองคล้ำไม่สม่ำเสมอ รอยแผลเป็นจากสิวจางลงได้เร็วขึ้น
น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
น้ำมันมะกอก 1 ชัอนโต๊ะ
น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
ผสมส่วนผสมเข้าด้วยกันในถ้วย แล้วนำมานวดและขัดหน้าเบาๆสัก 5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- ชะรอริ้วรอยแห่งวัยให้กับผิวด้วยการพอกหน้าด้วยอะโวคาโด
คุณๆทราบกันหรือไหมค่ะว่าอะโวคาโด นอกจากนำไปปรุงอาหาร หรือ ใช้เพิ่มรสชาติให้กับสลัดจานโปรดของคุณแล้ว ในอะโวคาโดนั้นอุดมไปด้วยน้ำมันที่มีปริมาณกรดไขมันที่ช่วยบำรุงผิวพรรณของคุณอยู่เป็นจำนวนมาก และยังมีสารสเตอรอยด์ธรรมชาติจากพืชที่ชื่อ Sterolin ซึ่งช่วยฟื้นฟูผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดด และริ้วรอยแห่งวัยอีกด้วย
อะโวคาโดบด 1/2 ผล
น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
ผสมส่วนผสมเข้าด้วยกัน แล้วนำมาพอกบนผิวทิ้งไว้ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- กระชับผิวสวยด้วยการพอกหน้าด้วยแตงกวา
สาวๆคงเคยได้ยินสูตรการนำแตงกวามาหั่นขวางบางๆมาแปะไว้บนตาทั้ง 2 ข้างเพื่อช่วยลดความบวมเป่งของผิวรอบดวงตากันใช่ไหม? นันก็เพราะว่าในแตงกวานั้นมีเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติช่วยกระชับผิวนั่นเอง
แตงกวาปลอกเปลือกแล้วบด 1/4 ผล
เจลจากว่านหางจระเข้ 4 ช้อนโต๊ะ
ผสมส่วนผสมเข้าด้วยกัน แล้วนำมาพอกบนผิวทิ้งไว้ 15-20 นาที แล้วล่างออกด้วยน้ำสะอาด
- ผิวเกลี้ยงเกลาด้วยการขัดหน้าด้วยสตรอเบอรี่
ถ้าคุณกำลังมีปัญหากับสิวที่กำลังมาเยี่ยมเยียน ( อย่างตัวแม่บ้านเป็นต้น ) ลองใช้สตรอเบอร๊ ซึ่งอุดมไปด้วยกรดซาลิไซลิกตามธรรมชาติอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเจ้ากรดซาลิไซลิกนี้เป็นตัวสำคัญที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของการเกิดสิว และ เป็นสารที่ใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาด
สตรอเบอรี่บด 2-4 ผล
นมผง 1/4 ช้อนชา
น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ
ผสมส่วนผสมเข้าด้วยกันในถ้วย แล้วนำมานวดและขัดหน้าเบาๆสัก 5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
เป็นอย่างไรบ้างค่ะ กับสูตรดูแลผิวหน้าแบบง่ายๆไม่ยุ่งยาก หาได้ตามธรรมชาติ ปลอดภัยจากสารเคมีและสารกันเสียต่างๆ ลองเอาไปทำกันดูน่ะค่ะ^^
Saturday, March 30, 2013
Monday, March 25, 2013
แม่บ้านพาไปดู : ตลาด Peachtree Peddler's Flea Market
สวัสดีค่ะ แม่บ้านกลับมารายงานตัวแล้วค่ะหลังจากหายหน้าหายตาไปหลายวัน วันนี้ได้โอกาสฤกษ์ดี(สามีไม่อยู่) และฤกษ์สะดวก(ลูกไม่กวน) เข้ามาอัพเดทบล๊อกของแม่บ้านฝรั่งกันค่ะ
เนื่องจากผ่านวันหยุดสุดสัปดาห์มาหมาดๆ แม่บ้านได้มีโอกาสได้ไปเก็บภาพสถานที่ที่แม่จะนำทุกท่านไปเที่ยวกับแม่บ้านวันนี้กันค่ะ ถ้าเป็นสมัยแม่บ้านยังวัยรุ่นตอนที่ยังอยู่ที่เมืองไทย วันเสาร์-อาทิตย์ คนวัยร่วมสมัยเดียวกับแม่บ้าน(คำนวณเอาแล้วกันว่าสมัยไหน) ก็คงนึกถึงการไปเดินเล่นที่ตลาดนัดจตุจักร,ห้างมาบุญครอง(ตึกยังแบบเก่า) หรือเดินแถวสยามสแควร์ ก็สมัยนั้นมันไม่มีห้างพารากอน,ห้างเอ็มโพเรียม หรือห้างไฮโซหรูหราเกลื่อนเมืองเหมือนในสมัยนี้นี่นา ถึงต่อให้มี ด้วยใบหน้าบ้านๆและเป็นพวกเบี้ยน้อยหอยน้อยอย่างแม่บ้าน ทางเลือกที่ไฮโซที่สุดสำหรับชีวิตวัยรุ่นในตอนนั้นก็คงเป็นตลาดนัดจตุจักรนั่นเองค่ะ^^
ตลาดแห่งนี้ถือเป็นตลาดขนาดกลาง คือไม่เล็กมาก แต่ก็ไม่ใช่ตลาดที่มีขนาดใหญ่มากในรัฐจอร์เจีย (ไว้วันหลังถ้ามีโอกาส แม่บ้านจะไปเก็บภาพตลาดที่มีขนาดใหญ่กว่านี้มาฝากค่ะ)
ตลาด Flea Market ก็มีลักษณะคล้ายตลาดนัดบ้านเรา คือเจ้าของที่จะทำการแบ่งพื้นที่เป็นล๊อกๆให้ผู้ที่ต้องการจะจำหน่ายสินค้า หรือ บริการแลกเปลี่ยนสินค้าได้เช่ากัน ซึ่งสินค้าที่ให้บริการก็มีทั้งสินค้าใหม่ และสินค้าใช้แล้วที่ซื้อมาจำหน่าย หรือ นำมาเองจากครัวเรือน ในตลาดก็จะมีร้านขายผักและผลไม้ตามฤดูกาลทั้งจากฟาร์มและรับมาจำหน่ายขายต่อ ซึ่งลักษณะพื้นที่ที่ให้เช่าจะมีทั้งพื้นที่กลางแจ้งด้านนอกอาคาร และพื้นที่ด้านในอาคารที่ดูคล้ายๆคลังสินค้า(นึกภาพตลาดตะวันนาที่อยู่ข้างๆเดอะมอลล์บางกะปิน่ะค่ะ)
ลักษณะการให้เช่าพื้นที่ด้านนอกอาคารส่วนใหญ่ใช้หลักใครมาก่อนมีสิทธิ์จองพื้นที่ก่อน นั่นคือในแต่ละอาทิตย์ ร้านค้าด้านนอกจะไม่ประจำในตำแหน่งเดิม จะมีร้านค้าหน้าเก่าหน้าใหม่สลับหมุนเวียนกันมา ส่วนพื้นที่ด้านในจะมีลักษณะที่เรียกว่าถาวรกว่า คือ แต่ละร้านจะการตกแต่งร้าน มีการเช่าประจำไม่เคลื่อนย้ายร้านค้าไปไหน ส่วนอัตราค่าเช่าพื้นที่ด้านนอกก็จะถูกกว่าพื้นที่ด้านใน เพราะการตั้งขายสินค้ากลางแจ้งด้านนอกต้องคำนึงถึงสภาพดินฟ้าอากาศของวันนั้นๆ เพราะอากาศที่หนาวจัด,ร้อนจัด, ฝนที่ตกกระหน่ำ หรือแม้แต่หิมะที่ตกโปรยปราย ก็คงไม่เอื้ออำนวยให้ผู้ซื้ออยากจะเดินจับจ่ายสินค้าภายนอกอาคารนัก
เป็นยังไงมั่งค่ะ เห็นแล้วก็คงไม่ตางกับตลาดนัดบ้านเรามากนักใช่ไมค่ะ ที่มีสินค้าหลากหลายให้เลือกในราคาถูก ประหยัดเงินในกระเป๋า เพราะสินค้าที่นี่ส่วนใหญ่ไม่คำนวณภาษีค่ะ
เนื่องจากผ่านวันหยุดสุดสัปดาห์มาหมาดๆ แม่บ้านได้มีโอกาสได้ไปเก็บภาพสถานที่ที่แม่จะนำทุกท่านไปเที่ยวกับแม่บ้านวันนี้กันค่ะ ถ้าเป็นสมัยแม่บ้านยังวัยรุ่นตอนที่ยังอยู่ที่เมืองไทย วันเสาร์-อาทิตย์ คนวัยร่วมสมัยเดียวกับแม่บ้าน(คำนวณเอาแล้วกันว่าสมัยไหน) ก็คงนึกถึงการไปเดินเล่นที่ตลาดนัดจตุจักร,ห้างมาบุญครอง(ตึกยังแบบเก่า) หรือเดินแถวสยามสแควร์ ก็สมัยนั้นมันไม่มีห้างพารากอน,ห้างเอ็มโพเรียม หรือห้างไฮโซหรูหราเกลื่อนเมืองเหมือนในสมัยนี้นี่นา ถึงต่อให้มี ด้วยใบหน้าบ้านๆและเป็นพวกเบี้ยน้อยหอยน้อยอย่างแม่บ้าน ทางเลือกที่ไฮโซที่สุดสำหรับชีวิตวัยรุ่นในตอนนั้นก็คงเป็นตลาดนัดจตุจักรนั่นเองค่ะ^^
เมื่อนึกถึงตลาดนัดจตุจักร แม่บ้านก็นึกถึงตลาดนัดเสาร์-อาทิตย์ของที่อเมริกาที่เขาเรียกกันว่า "Flea Market" ค่ะ ซึ่งตลาดที่แม่บ้านจะพาไปวันนี้มีชื่อว่า Peachtree Peddler's Flea Market ตั้งอยู่ที่ 155 Mill Rd., McDonough, GA 30523 หมายเลขโทรศัพท์ +1(770)914-2269 ค่ะ
![]() |
ตามคนนำทางกันไปเลยค่ะ |
![]() |
บริเวณลานจอดรถที่กว้างขวาง |
![]() |
ตรงทางเข้าอาคารด้านหน้ามีที่สำหรับสิงห์มอเตอร์ไซด์ได้จอดกันค่ะ |
![]() |
เดินเล่นด้านนอกอาคารกัน |
![]() |
ร้านขายถั่วต้ม และของกินเล่น |
![]() |
โต๊ะเกมส์ |
![]() |
หนุ่มๆเขาชอบสินค้าที่เกี่ยวข้องกับอินเดียแดง หรือพวกของเก่าๆโบราณๆ |
![]() |
![]() | ||
|
![]() |
แผ่นเกมส์ DS มือสอง |
![]() |
อุปกรณ์ช่างมือสองต่างๆ |
![]() |
บริเวณร้านขายผักและผลไม้ |
![]() |
มีต้นไม้มาขายด้วย |
![]() |
เราย้ายไปเดินเล่นในตัวอาคารกันดีกว่า |
![]() |
ร้านขายน้องหมา |
![]() |
ร้านขายของสะสม |
![]() |
ร้านขายเครื่องประดับ |
![]() |
ร้านรับซ่อมคอมพิวเตอร์ |
![]() |
ร้านขายอาหาร ส่วนใหญ่ก็อาหารฟาสฟู้ดแบบอเมริกันนั่นแหละค่ะ |
![]() |
มาถึงร้านเป้าหมายที่ต้องแวะทุกครั้งที่มาที่นี่ ร้านขายเทียนและน้ำมันหอม |
![]() |
น้ำมันหอมร้านนี้เป็นที่ที่แม่บ้านชอบมาอุดหนุนเป็นประจำมิได้ขาด |
![]() |
วันนี้แม่บ้าก็หิ้วผลไม้กลับมาบ้านนิดหน่อยค่ะ |
![]() |
ที่ขาดไม่ได้คือต้องซื้อน้ำมันหอมติดมือกลับมาด้วยค่ะ |
เป็นยังไงมั่งค่ะ เห็นแล้วก็คงไม่ตางกับตลาดนัดบ้านเรามากนักใช่ไมค่ะ ที่มีสินค้าหลากหลายให้เลือกในราคาถูก ประหยัดเงินในกระเป๋า เพราะสินค้าที่นี่ส่วนใหญ่ไม่คำนวณภาษีค่ะ
Sunday, March 17, 2013
แม่บ้านกับของสะสม : BEANIE BABIES ตุ๊กตายัดเมล็ดถั่วแสนน่ารัก
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ทีอากาศค่อนข้างอุ่นจนคิดว่ากำลังจะเข้าฤดูร้อนของที่รัฐจอเจียร์นี่ แม่บ้านแพทก็เกิดอาการครึ้มอกครึ้มใจ จัดแจงจัดเรียงสิ่งที่ตัวเองสะสม (ถึงแม้ปริมาณจะไม่มากมายอะไร) เอาออกมาให้ทุกท่านได้ยลโฉมกันค่ะ สิ่งนั้นก็คือ Beanie Babies ตุ๊กตายัดเมล็ดถั่วแสนน่ารักน่าชังของแม่บ้านแพทนั่นเอง น่ารักแค่ไหนดูกันเอาเองน่ะค่ะ
![]() |
อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเยอะๆน่ะลูก จะได้ไม่เหงา |
![]() |
กลุ่มผู้สูงอายุ พวกที่เกิดปี ค.ศ.1993 |
![]() |
กลุ่มน้องหมี |
![]() |
2 ตัวโปรด Valentina(ชมพู) และ Valentino(ขาว) |
เอาล่ะค่ะได้ยลโฉมตุ๊กตาบีนนี่ เบบี้ที่แม่บ้านมีไปแล้ว ก็เลยถือโอกาสมาคุยเรื่องราวเกี่ยวกับตุ๊กตาชนิดนี้กันดีกว่าค่ะ บีนนี่ เบบี้ ถือกำเนิดขึ้นในปีค.ศ.1993 ซึ่งในครั้งแรกที่เปิดตัวนั้นจะมีตุ๊กตาอยู่ 9 แบบ ซึ่งมีชื่อดังนี้
1. Brownie : ตุ๊กตาหมีสีน้ำตาล
2. Chocolate : ตุ๊กตากวางมูส
3. Flash : ตุ๊กตาปลาโลมา
4. Legs : ตุ๊กตากบ
5. Patti : ตุ๊กตาตุ่นปากเป็ด
6. Pinchers : ตุ๊กตากุ้งกล้ามโต
7. Splash : ตุ๊กตาปลาวาฬเพชรฆาตร
8. Spot : ตุ๊กตาน้องหมา
ตุ๊กตาบีนนี่ เบบี้ แต่ละตัวจะถูกตั้งชื่อ, มีวันเดือนปีเกิด และบทกลอนสั้นๆที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแนบมาบนฉลาก โดยตุ๊กตาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ Teddy Bear ซึ่งใช้สื้อความหมายถึงการระลึกถึงนั่นเอง
ในปี ค.ศ.1996-1999 เป็นปีที่เฟื่องฟูของ บีนนี่ เบบี้ ผู้คนพากันคลั่งไคล้ให้ความสนใจตุ๊กตาชนิดนี้เป็นอย่างมาก บางคนถึงกับกวาดซื้อกันครั้งละจำนวนมากๆเพื่อเก็บสะสม เพื่อคาดหวังว่าเมื่อเวลาผ่านไปนานขึ้น มูลค่าของเจ้าตุ๊กตาเหล่านั้นจะสูงขึ้นหลายเท่าตัว ทางบริษัท Ty ผู้ผลิตและจำหน่ายตุ๊กตาบีนนี่ เบบี้ จึงตอบสนองจุดประสงค์ดังกล่าวด้วยการ หยุดผลิตตุ๊กตาบางแบบ เพื่อให้มันขาดตลาด ซึ่งจะช่วยให้เพิ่มความต้องการของผู้ต้องการจะสะสม และแน่นอนเพิ่มมูลค่าของตุ๊กตาแบบนั้นๆให้สูงขึ้นลิบอีกด้วย(นี่ละค่ะ หลักการกลไกตลาดสมัยเราเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์^^)
ทาง Ty ได้ผลิตตุ๊กตาหมีออกมาหลายร้อยแบบเพื่อจำหน่าย จนถึงปี ค.ศ.1999 ก็ได้ยกเลิกการผลิต เมื่อความบ้าคลั่งในตัวตุ๊กตาบีนนี่ เบบี้สร่างซาลง แต่ด้วยความต้องการของกลุ่มลูกค้านักสะสมที่ยังมีจำนวนมาก บริษัทจึงตัดสินใจเริ่มผลิตตุ๊กตาอีกครั้งในปี ค.ศ.2000 มันมีตุ๊กตาที่ชื่อ Millennium น้องหมีสีชมพูบานเย็น ซึ่งแน่นอนแม่บ้านแพทมี 1 ตัวในครอบครอง เป็นตุ๊กตาที่มีปัญหาเรื่องการถูกสะกดชื่อผิดบน Swing Tag และ Tush Tag คือ มีพิมพ์ผิดเป็น Millenium แต่ตัวที่แม่บ้านมีนั้น พิมพ์ถูกต้องบนทั้ง 2 Tag เลยค่ะ(เดี๋ยวแม่บ้านจะมาพูดเรื่อง Tag กันตอนถัดไปอีกทีค่ะ) จนถึงปีนี้ปี ค.ศ.2013 ตุ๊กตาบีนนี่ เบบี้ก็ยังมีจำหน่ายให้ซื้อหาสะสมกัน แต่มูลค่าของตัวตุ๊กตานั้นไม่สูงเหมือนในอดีต (เรื่องนี้แม่บ้านห้ามพูดต่อหน้าสามีค่ะ เพราะเขาคือหนึ่งในนั้นที่สะสมตุ๊กตาบีนนี่ เบบี้ในช่วงรุ่งโรจ์ ราคาแพงม๊ากมาก เขาเล่าว่าเขามีสะสมกว่า 500 ตัว ชนิดจ่ายเงินครั้งละหลายพันในเครดิตการ์ดเพื่อซื้อเจ้าตุ๊กตาชนิดนี้ และแน่นอนเขาจำชื่อมันได้เกือบทุกตัว แฟนพันธุ์แท้จริงๆ ข้าน้อยขอซูฮก) ส่วนใหญ่ผู้ที่ซื้อไปนั้นจะเป็นเพราะความชอบส่วนตัวมากกว่าสะสมเพื่อเก็งกำไร
มาที่เรื่องของ Tag หรือฉลากของตุ๊กตา เจ้าบีนนี่ เบบี้ จะมีฉลากติดมากับตัวตุ๊กตาอยู่ 2 ชนิด คือ
Swing Tag : เป็นฉลากแบบกระดาษ ติดอยู่ตรงหูของตุ๊กตาด้านขวามือของเราค่ะ โดยฉลากด้านหน้าจะเป็นรูปหัวใจสีแดง มีสัญลักษณ์ ty สีขาวอยู่ตรงกลางหัวใจ ตัวฉลากดั้งเดิมจะมีแค่นั้น แต่ถ้าเป็นรุ่นใหม่ จะมีรูปดาวสีเหลืองด้านบนอักษร y และมีข้อความว่า BEANIE ORIGINAL BABYบนรูปดาวนั้นค่ะ ส่วนฉลากด้านในจะเหมือนกัน คือ มีชื่อของตุ๊กตา, วันเดือนปีเกิด และบทกลอนประจำตัวของตุ๊กตาแบบนั้นๆค่ะ ฉลากแบบนี้มีความสำคัญต่อมูลค่าของตัวตุ๊กตา คือ หากฉลากชำรุดเสียหาย หรือหักงอ ยับยู่ยี่ ราคาของเจ้าตุ๊กตาตัวนั้นในตลาดก็จะตกลงทันที ถึงขั้นบางครั้งราคาหายไปครึ่งหนึ่งของราคาปกติเลยค่ะ ทั้งที่แม้ไม่มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับตุ๊กตาเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นนักสะสมส่วนใหญ่จะซื้อตัวปลอกพลาสติกหุ้ม ซึ่งมีจำหน่ายในร้านค้าที่จำหน่ายตุ๊กตาชนิดนี้มาเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อตัวฉลากกันเลยทีเดียว
- Tush Tag : เป็นฉลากแบบผ้าที่เย็บติดมากับตรงส่วนก้นของตุ๊กตา ซึ่งในปัจจุบันฉลากชนิดนี้จะมี hologram อยู่บนฉลากด้วย เพื่อป้องกันการผลิตปลอมแปลง หรือเลียนแบบค่ะ โดยอีกเช่นกันบนฉลากจะมีชื่อของตุ๊กตาพิมพ์อยู่ทุกตัว รวมทั้งข้อแนะนำในการทำความสะอาด (แต่แม่บ้านคิดว่า คงไม่มีใครเอาตุ๊กตาบีนนี่ เบบี้ไปซักหรอกค่ะ ขนาด Tag ยังกลัวเสียรูปเลย ว่าไหมอ่ะ?) ฉลากแบบนี้ก็มีผลต่อราคาตุ๊กตาเช่นกันน่ะค่ะ ก็พยามยามอย่าทำให้มันชำรุดเสียหายก็แล้วกันค่ะ
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhf_U833NJVp9Q5bpJ53m6pM48asXaZW7_ctUO1vadyfjeW7bqRlc_JTSl-BYLgO4x6Zz6vRXLeycYhCGRi7D-Jarm4qOcWnFTBrkajBDwH7hLIe0ZlBiL7fc4I7EzkjPSyYOIKBT-zFWMs/s320/IMG_3120.jpg)
![]() |
อันนี้ คือ Tush Tag ค่ะ และนี่คือ ชื่อที่พิมพ์ผิดบน Tag ค่ะ ที่ถูกต้อง คือ Millennium ค่ะ |
เหนื่อยกันหรือยังค่ะ สำหรับบล๊อกนี้ ใกล้ถึงที่สุดแล้วค่ะ จากที่อ่านมาข้างต้น คงมีคนอยากทราบกันใช่ไหมค่ะว่า แล้วตุ๊กตาในครอบครัว บีนนี่ เบบี้ ตัวใดที่มีมูลค่าและเป็นที่ต้องการสูงสุดกันน้า? เอาล่ะมาตามชมกันค่ะ แม่บ้านจะจัดเป็น 5 อันดับที่เป็นขวัญใจนักสะสมติดระดับโลก
อันดับ 1 : Peanut เจ้าช้างสีฟ้าเข้ม ครองแชมป์ไปด้วยมูลค่าสูงสุด $4,500 ค่ะ
![]() |
หน้าตาเขาเป็นแบบนี้ แต่ Tag จะเป็นแบบเก่า ไม่มีดาวน่ะค่ะ อันในรูปนี้น่าจะทำซ้ำของเก่าค่ะ |
อันดับ 2 : Nana เจ้าลิงน้อยแสนซน มาเป็นรองแชมป์อยู่ที่มูลค่า $4,000 ค่ะ
![]() |
ด้านขวาเป็น Tag แบบดั้งเดิมค่ะ ส่วนด้ายซ้ายผลิตขึ้นใหม่ค่ะ |
อันดับ 4: Brownie เจ้าหมีสีน้ำตาล (อันนี้แม่บ้านก็ลงภาพไว้ด้านบนแล้วเช่นกันน่ะจ้ะ) ตามอันดับ 3 มาติดๆ อยู่ที่ $3,600
อันดับ 5: Brown Teddy Bear เจ้าหมีเท็ดดี้สีน้ำตาล มาอันดับรั้งท้าย แต่ราคาไม่ท้าย ติดอันดับอยู่ที่ $2,800 เลยทีเดียว
เอาล่ะค่ะ แม่บ้านทราบว่าทุกคนคงเหนื่อยกับการอ่านบล๊อกที่ร่ายยาวมาถึงจุดนี้ แม่บ้านก็ขอสรุปตอนท้ายไว้ที่ หากท่านใดคิดว่ารักและต้องการจะสะสมน้อง บีนนี่ เบบี้ ก็ขอให้สะสมด้วยใจน่ะค่ะ อย่าไปคิดเรื่องมูลค่า หรือการเก็งกำไร เพราะเจ้าตุ๊กตาพวกนี้มันมีคุณค่าทางจิตใจมากกว่าคุณค่าที่ตีเป็นราคา ดูแลรักษาเขาดีๆน่ะค่ะ เขาก็จะอยู่กับเราไปอีกนานจนชั่วลูกชั่วหลานเลยค่ะ แล้วถ้าใครสนใจก็อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในเว็บไซต์ต่อไปนี้ได้เลยค่ะ
เว็บไซต์บริษัท Ty : http://world.ty.com
เว็บไซต์นักสะสม : www.tycollector.com
เว็บไซต์เกี่ยวกับตุ๊กตา : http://collectibles.about.com/od/beanies/tp/tybeaniebabies.htm
เว็บไซต์จำหน่าย wholesale : www.barrysbeanies.com
Saturday, March 16, 2013
แม่บ้านชอบชิม : อาหารชาวใต้ที่ Thomas' Country Buffet
![]() |
Southern United States |
สวัสดีค่ะมิตรรักชาวบล๊อกทั้งหลาย วันนี้แม่บ้านแพทได้โอกาสวันที่อากาศดี๊ดีมาอัพเดทบล๊อกให้ทุกคนอ่านกันเล่นๆค่ะ วันนี้แพท, แซค และลูกชายคนโต แบรนดอน เราจะไปทานอาหารสไตล์แบบฉบับชาวอเมริกันตอนใต้กันค่ะ
เมื่อเอ่ยถึงอาหารทางใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้คนก็ต้องนึกถึงอาหารแบบคันทรี่ อาหารที่เน้นการปรุงแบบง่ายๆ ไม่เน้นการตกแต่งสวยหรู อาหารที่ได้จากการเก็บเกี่ยวจากสวน จากไร่ จากฟาร์มแล้วนำมาปรุงเพื่อรับประทานกันในครัวเรือน ยกตัวอย่างเช่น fried chicken , cornbread, turnip green, peach pie และ sweet tea หากเอ่ยชื่ออาหารเหล่านี้ ชาวอเมริกันจะนึกถึงภาพชาวใต้ ชาวชนบท ที่ทำอาชีพเกษตรกรรมเป็นอาชีพดั้งเดิมในอดีต ซึ่งยังคงมีวัฒนธรรมด้านการกินสืบทอดกันมาจากรุ่นปู่ย่าตายายสู่รุ่นลูกหลานในปัจจุบัน
![]() |
fried chicken |
![]() |
cornbread |
![]() |
turnip green |
![]() |
peach pie |
![]() |
sweet tea |
ซึ่งหากคุณอาศัยอยู่ในเขตทางใต้ของประเทศ คุณจะสามารถมองหาร้านที่ให้บริการอาหาร Southern Amrican ได้หลากหลายสถานที่ ยกตัวอย่างเชน ร้าน Cracker Barrel, Kentucky Fried Chicken, Bojangles' Famous Chicken 'n Biscuits, Church's Chicken, Mrs. Winner's, Sonny's, Tudor's Biscuit World และ Popeye's. เป็นต้น
แต่วันนี้แม่บ้านไม่ได้พาคุณไปชมไปชิมร้านอาหารข้างต้นค่ะ แต่เราจะไปที่ร้านที่มีชื่อว่า Thomas' Country Buffet ค่ะ ซึ่งตั้งอยู่ที่ 4122 Emory St NW, Covington, GA ค่ะ เบอร์โทร +1 (678)212-0186
![]() |
แม่บ้านแพทมารายงานตัวแล้วค่ะ วันนี้จัดตาฟ้า ปากชมพู แซ่บเว่อร์
|
![]() |
มาถึงร้าน 2 คนพ่อลูกเขาเดินนำลิ่วๆ ไม่รอกันเลย
|
ร้านอาหารแห่งนี้เดิมทีเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟในอดีตค่ะ ซึ่งบางครั้งขณะที่นั่งรับประทานอาหารในร้านก็จะได้ยินเสียงรถไฟวิ่งผ่าน หรือ เสียงหวูดรถไฟที่ดังก้องกังวานเป็นระยะๆ(ได้บรรยากาศแบบ gone with the wind ดีไหมค่ะ)
![]() |
ภายในร้าน ภาพจากโต๊ะที่เรานั่งค่ะ |
ขณะที่เราเข้าไปในร้านนั้นเวลาประมาณบ่ายโมงของวันเสาร์ ซึ่งเป็นอาหารมื้อเที่ยง จะเห็นว่าทางร้านมีลูกค้าหนาตากว่าวันธรรมดา เราจึงเลือกที่นั่งในมุมที่มีคนพลุกพล่านน้อยที่สุด พร้อมสั่งเครื่องดื่มแบบคนทางใต้อย่างเรา นั่นคือ.......ใช่แล้วค่ะ ice tea ค่ะ แพทและแซคเลือกแบบ unsweet tea ส่วนลูกชายเลือกแบบ sweet tea ค่ะ หลังจากนั้นเราก็พร้อมลุย เลือกตักอาหารกันแบบตามใจชอบเลยค่ะ ไม่อิ่ม ไม่อ้วก ไม่เลิก
![]() |
เลือกตักกันไม่อั้นค่ะ |
![]() |
โซนที่แพทชอบที่สุด คือ กลุ่มผัก และ ถั่วต่างๆ อร่อยม๊ากมาก |
![]() |
เรามีนายแบบรับเชิญมาโชว์การเลือกตักอาหารด้วย อิอิ |
![]() |
บริเวณที่มีลูกค้าใช้บริการมากที่สุด Fried chickens , BBQ Ribs และ Fried Chicken Livers ค่ะ |
![]() |
สลัด บาร์ ค่ะ เลือกกันจุใจไปเลย |
เอาล่ะค่ะวันนี้มาดูว่าแพทเลือกตักอะไรมาทานบ้างค่ะ ลิมิตของแพทอยู่ที่ 3 จานค่ะ
![]() |
จานที่ 1 แพทเลือกของโปรดนั่นคือ ตับไก่ทอด, สควอช, กรีนบีน และกระหล่ำปลีค่ะ |
![]() |
จานที่ 2 แพทเลือกไก่อบ, บาร์บีคิวกระดูกหมู และผักที่ชอบค่ะ |
![]() |
จานที่ 3 แพทเลือก หมูชุบแป้งทอด,คอร์นเบรด, ขนมปัง เพิ่ม turnip green ในจานด้วยค่ะ |
นี่แหละค่ะอาหารแบบง่ายๆที่คนทางใต้เราเลือกทานกัน เป็นไงบ้างค่ะพอจะทานได้กันไหมค่ะ ส่วนตัวแพทขณะที่เขียนบล๊อกเป็นเวลาประมาณเกือบทุ่มนึงแล้ว บอกได้คำเดียวว่ายังจุกและกินอะไรไม่ลงเลยค่ะ นอกจากดื่มน้ำ กลายเป็นว่าจากการกินอาหารกลางวันกลายเป็นควบเลยไปเป็นอาหารเย็นด้วยเลย จุกจิงไรจิงอ่ะค่ะ ใครผ่านมาทางนี้ก็ลองแวะทานกันได้น่ะค่ะ
Subscribe to:
Posts (Atom)